เมื่ออายุขึ้นเลขสี่ หลายคนก็เริ่มสังเกตว่าผิวหน้าดูไม่กระชับเหมือนเมื่อก่อน ทั้งริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และร่องลึกต่างๆ อาจทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย ปัญหาเหล่านี้เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสติน รวมถึงปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด มลภาวะ และไลฟ์สไตล์ที่เร่งให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
ปัจจุบันนี้มีวิธีการยกกระชับหน้าทั้งแบบธรรมชาติที่สามารถทำได้เอง ไปจนถึงหัตถการทางการแพทย์ที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นโบท็อกซ์, ร้อยไหม, Thermage และเทคนิคขั้นสูงที่มีข้อดี-เสียแตกต่างกันไป ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าตัวเลือกยกกระชับหน้า วิธีไหนดีที่สุด พร้อมเคสรีวิวจริงเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น!
รู้หรือไม่? ความหย่อนคล้อยของผิวหน้าเป็นผลมาจากกระบวนการทางชีวภาพและปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อโครงสร้างของผิวหนัง เพราะตามหลักทางวิทยาศาสตร์แล้ว ผิวหนังประกอบด้วยคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวเต่งตึงและยืดหยุ่น เมื่ออายุมากขึ้นหรือเผชิญกับปัจจัยกระตุ้น โครงสร้างเหล่านี้จะเสื่อมลง ทำให้ผิวสูญเสียความกระชับ ดังนั้นสาเหตุหลักๆ ของความหย่อนคล้อยจึงมาจาก
1. อายุที่เพิ่มขึ้น – คอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ส่งผลให้ผิวไม่กระชับ
2. แสงแดดและมลภาวะ – รังสี UV ทำลายเซลล์ผิวและลดการสร้างคอลลาเจน
3. ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง – โดยเฉพาะวัยทอง ทำให้ผิวบางลงและแห้ง
4. พฤติกรรมการใช้ชีวิต – การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และนอนดึกเร่งการเสื่อมของผิว
5. การดูแลผิวไม่เหมาะสม – การล้างหน้าแรงหรือขาดการบำรุงทำให้ผิวอ่อนแอ
6. กระดูกบางและยุบตัวลง – ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย ตก หรือพับย่นลงมา
ยกกระชับหน้า แบบไหนดีที่สุด? หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น เราขอให้แนะนำให้รู้จักกับ 5 วิธียกกระชับผิวหน้าที่ได้ผลจริง คืนความอ่อนเยาว์ด้วยนวัตกรรมที่ดีที่สุดในตอนนี้ จะมีวิธีไหนบ้างไปดูกัน
· ยกกระชับผิวได้ทันที ใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า
· กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและยืดหยุ่นขึ้น
· ความเจ็บน้อย ขณะทำจะรู้สึกเจ็บน้อยกว่าเทคนิคอื่นๆ
· ไม่ต้องผ่าตัด เป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที
· ให้ผลลัพธ์ชั่วคราว อยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน
· ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับเครื่องมือและความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
· ยกกระชับหน้าได้อย่างแม่นยำ ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงลงลึกถึงชั้น SMAS และมีหน้าจอแสดงผลแบบเรียลไทม์
· ช่วยให้ผิวแน่นกระชับและลดริ้วรอยจากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
· ให้ผลลัพธ์ยาวนาน อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแล
· อาจรู้สึกเจ็บมากกว่า HIFU เนื่องจากพลังงานที่สูงกว่า
· มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากเทคโนโลยีและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า
· ช่วยยกกระชับผิวและลดไขมัน ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) ลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมัน
· กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดรูขุมขน ให้ผิวเนียนนุ่ม มากกว่าแค่การยกกระชับหน้า
· อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
· ครอบคลุมทุกอณู แต่ไร้ทิศทาง
· ค่อนข้างเจ็บ โดยอาจรู้สึกเจ็บมากกว่า HIFU และ Ulthera
· ค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากต้องใช้เครื่องมือเฉพาะและต้องอาศัยความเชี่ยวชาญจากแพทย์
· หากทำโดยผู้ไม่มีประสบการณ์ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวไหม้ เป็นต้น
· ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน
· ยกกระชับผิวทันที ช่วยยกกระชับหน้าที่หย่อนคล้อยได้อย่างรวดเร็ว
· ไหมที่ร้อยเข้าไปจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่นและกระชับขึ้น
· ผลลัพธ์อาจอยู่ได้ชั่วคราว ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมและการดูแล
· อาจเกิดอาการบวมช้ำ หรือเกิดการติดเชื้อ หากทำโดยผู้ที่ไม่มีประสบการณ์
· การร้อยไหมไม่ได้เหมาะกับทุกคน ผู้ที่มีผิวบางหรือหย่อนคล้อยมากอาจไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
· มีจุดเด่นที่การลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าให้เรียวยิ่งขึ้น
· ผลลัพธ์เริ่มเห็นภายในไม่กี่วันหลังจากฉีด
· ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
· ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน หลังจากนั้นต้องฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์
· ไม่ควรใช้เป็นวิธีหลักในการยกกระชับหน้า เพราะโบท็อกซ์ไม่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้
ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งจากอายุที่มากขึ้น รวมถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การนอนดึก ความเครียด และการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ โดยหัตถการทางการแพทย์ เช่น Hifu, Ulthera, Thermage, ร้อยไหม, โบท็อก และฟิลเลอร์ ถือเป็นวิธีการแก้ไขที่ได้ผลเร็วและเห็นได้ชัดที่สุดเท่าที่มีในตอนนี้ ดังนั้นสำหรับใครที่สนใจยกกระชับหน้า ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการรักษาได้ตอบโจทย์และได้ผลดีที่สุด