Thread Lift

ร้อยไหม PDO คืออะไร กี่วันเห็นผล มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไรบ้าง

September 15, 2025

หลายคนอาจจะกำลังมีปัญหาเรื่องผิวหย่อนคล้อยที่ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ โดยเฉพาะเมื่อมีอายุมากขึ้น ซึ่งโชคดีที่ยังมีวิธีแก้ปัญหากวนใจนี้อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงผิว หรือจะเป็นการเลือกทำหัตถการที่เห็นผลเร็วและสามารถทำได้ง่ายๆ ขึ้นอยู่กับความสะดวกและงบในประเป๋า 

หนึ่งในวิธีที่หลายคนรู้จักกันดีก็คือ การร้อยไหม PDO นั่นเอง แต่อาจจะยังไม่รู้ถึงข้อดี ข้อพิจารณา ไปจนถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ  ซึ่งวันนี้เราจะไปดูกันว่า ทำไมร้อยไหม PDO ถึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ

ร้อยไหม PDO คืออะไร ?

การร้อยไหม PDO คือ การใช้ไหมละลาย Polydioxanone ที่เคยถูกใช้ในการเย็บแผลทางการแพทย์มาตั้งแต่ปี 1980 ก่อนที่จะมีการนำมาใช้ในคลินิคเสริมความงามในเวลาต่อมา ซึ่งในยุคปัจจุบันได้มีการนำมาใช้เพื่อสอดเข้าไปในชั้นผิวเพื่อยกกระชับผิวให้ตึงขึ้น เสริมคอลลาเจน ไปจนถึงเนื้อเยื่อใหม่ในบริเวณที่ทำ โดยไหมชนิดนี้สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติและไม่ก่อให้เกิดสารตกค้างในร่างกายอีกด้วย 

ส่วนคุณสมบัติของไหม PDO ก็คือ การสลายได้เองผ่านการย่อนเอนไซม์และสามารถนำออกจากร่างกายผ่านระบบการขับถ่ายตามปกติ  โดยลักษณะของไหมจะเป็นเส้นสีน้ำเงิน มีความยืดหยุ่นปานกลางและนิ่ม ซึ่งช่วยให้ไม่รู้สึกระคายเคืองในระหว่างการร้อยไหม  นอกจากนี้ยังมีผลลัพธ์ได้นานสูงสุดถึง 1 ปีขึ้นอยู่กับระบบร่างกายว่า สามารถกระตุ้นคอลลาเจนออกมาได้มากน้อยแค่ไหน แม้ว่าในเคสส่วนใหญ่ ไหมจะละลายออกภายในช่วง 6 เดือนก็ตาม 

มาที่การทำงานของไหม PDO กันบ้าง ซึ่งจุดเด่นของไหมชนิดนี้คือ การยกกระชับทันที เพราะทำหน้าที่เป็นโครงสรา้งช่วยพยุงและดึงผิวที่หย่อนคล้อย เช่นเดียวกับกระตุ้นคอลลาเจนจากกระบวนการซ่อมแซมของร่างกายเมื่อมีไหมอยู่ใต้ชั้นผิว นอกจากนี้แม้ไหมจะละลายไปแล้ว แต่ผิวก็ยังดูดีจากคอลลาเจนที่สร้างขึ้นมาใหม่นั่นเอง

ร้อยไหม PDO ต่างจากไหมตัวอื่นอย่างไร ?

ตามปกติแล้ว ไหมจะมีการทำมาจากวัสดุที่แตกต่างกันอยู่ 3 แบบคือ PDO, PCL และ PLLA ซึ่งทั้งหมดได้รับการรับรองจาก อย. ในประเทศไทยและสามารถนำมาใช้ทางการแพทย์ได้ แต่ความแตกต่างของไหมแต่ละประเภท มีอะไรกันบ้าง ไปดูกันได้เลย

1. ไหม PDO

  • ไหมเส้นสีน้ำเงิน ขนาด USP0 และ USP2
  • ยืดหยุ่นปานกลาง นิ่ม ไม่เปราะ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี
  • ไม่รู้สึกระคายเคือง ร้อยง่าย และบวมน้อย
  • คงผลลัพธ์ได้ประมาณ 4-6 เดือน ไหมละลายหมดประมาณ 6 เดือน
  • เป็นไหมที่มีความยืดหยุ่นสูงที่สุด

2.  ไหม PLLA (Poly-L-Lactic Acid)

  • ทนต่อแรงดึงได้ดีที่สุด แต่ไม่ค่อยยืดหยุ่น บาง เปราะ ขาดง่าย
  • ไหมจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี แต่มีข้อจำกัดเรื่องคุณสมบัติ ขาดง่าย
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีกว่ารุ่นอื่น แต่มีความเสี่ยงเรื่องขาดง่าย

3. ไหม PCL (Polycaprolactone)

  • เป็นวัสดุรุ่นใหม่ และขนาดเส้นใหญ่ที่สุด
  • มีความยืดหยุ่นสูง แข็งและทนทาน
  • ปกติไหมจะละลายหมดใน 12 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละเคสที่อาจจะเห็นผลได้นานถึง 18 เดือน
  • กระตุ้นการเกิดคอลลาเจนได้ดี

ไหม PDO มีกี่แบบ

แม้ว่า ไหม PDO จะมีคุณสมบัติเหมือนกัน แต่ปัจจุบันมีการแแบ่งลักษณะรูปทรงของไหม PDO ออกมา 3 แบบด้วยกัน

1. PDO Mono Threads (ไหมเรียบ)

เป็นไหมคอลลาเจน เส้นตรงยาว ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนออกมา โดยช่วยในการเติมเต็มผิวคล้ายกับการฉีดฟิลเลอร์ แม้ว่าปัจจุบันจะไม่เป็นที่นิยม เพราะอาจทำให้เกิดพังผืดได้

2. PDO Cog Threads (ไหมเงี่ยง)

หลายคนอาจจะรู้จักในฐานะร้อยไหมก้างปลา ซึ่งเป็นไหมละลายที่มีเงี่ยงออกมาจากเส้นไหมนั่นเอง โดยมีคุณสมบัติช่วยในการยกกระชับผิวที่ดีกว่า ไปจนถึงการดึงยกแก้มที่หย่อนคล้อย และปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น ซึ่งสามารถเห็นผลได้ภายในหนึ่งเดือนเลยทีเดียว

3. PDO Screw Threads (ไหมเกลียว)

เรียกว่าเป็นไหม PDO ที่ใช้ 2 เส้นมาพันกันเป็นเกลียว ก่อนจะสอดเข้าไปในใต้ชั้นผิว เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของเส้นไหม และใช้เติมผิวที่ยุบหรือเป็นร่อง ช่วยปรับรูปหน้าและลดริ้วรอยได้ดี

ร้อยไหม PDO กี่วันเห็นผล?

ตามปกติแล้ว การร้อยไหมแบบ PDO สามารถเห็นผลได้เลยทันที แต่อาการบวมจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป 14 วันหลังจากทำหัตถการ แต่ผลลัพธ์อาจขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน ซึ่งทางแพทย์จำเป็นต้องตรวจประเมินสภาพปัญหาบนใบหน้าของลูกค้าก่อน หรืออาจจะต้องใช้หัตถการอื่น ๆ ร่วมอยู่ ขึ้นอยู่กับแต่ละเคสนั่นเอง 

อย่างไรก็ตาม การร้อยไหมเป็นหนึ่งในหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง เมื่อได้ทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และคลินิคที่มีมาตรฐาน ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้นเช่นกัน

ข้อดีของการร้อยไหม PDO

1. ลดการหย่อนคล้อยได้ดี

2. ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นเมื่อผ่านไป 4 สัปดาห์

3. ช่วยประคองผิวและเส้นเอ็นบนใบหน้า

4. มีความปลอดภัยสูง

5. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้ดี

6. เห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำ

7. ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ใช้เวลาพักฟื้นน้อย 

ข้อเสียของการร้อยไหม PDO

1. ต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อวางไหมให้ถูกชั้นผิว

2. หลังจากทำหัตถการอาจมีรอยช้ำ บวม ตึงเล้กน้อย แต่สามารถหายเองได้ภายในไม่กี่วัน

3. ควรเลี่ยงการนวดแรง ๆ หรือทำหัตถการอื่นที่กระทบต่อผิวในช่วงแรก

บทสรุป ร้อยไหม PDO

จะเห็นแล้วว่า การร้อยไหม PDO เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องผิวหย่อนคล้อยและต้องการตัวช่วยที่เห็นผลทันที รวมถึงมีความปลอดภัยสูง ซึ่งการร้อยไหมยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ดีอีกด้วย โดยคนที่สนใจและกำลังมองหาคลีนิคที่ได้มาตรฐานในระดับเดียวกับประเทศเกาหลีใต้ก็สามารถเข้ามาปรึกษากับที่ Mona Clinic ที่มีทั้งแพทย์ที่มีประสบการณ์และบริการที่เอาใจใส่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละคนเลยนั่นเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง

สนใจบริการของเรา
ยังไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับบริการของ เราไหม ลองปรึกษาแพทย์ได้เลย!
บริการของเรา
อ่านรายละเอียดบริการที่เกี่ยวข้องกับบทความนี้เพิ่มเติม
Thread Lift
ยกกระชับ ปรับหน้าเรียว
No items found.